การทุกใครสักคนหนึ่งจะมาเป็นคริสเตียนหรือรับเชื่อได้นั้น คนๆนั้นต้องยอมรับความจริงว่า
1. ทุกสิ่งเริ่มต้นที่พระเจ้า
“ในพระคริสต์ เราได้พบว่าตนเองเป็นใคร และอยู่เพื่ออะไร นานมาแล้ว ก่อนที่เราจะได้ยินเรื่องของพระคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงสนพระทัยในเรา และทรงวางแผนให้เราดำเนินชีวิตที่รุ่งโรจน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์โดยรวมที่พระองค์กำลังทำให้สำเร็จใจทุกสิ่งและทุกคน”
เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวคุณ วัตถุประสงค์ของชีวิตคุณนั้นยิ่งใหญ่กว่าความพึงพอใจส่วนตัว ความสบายใจ หรือแม้แต่ความสุขของคุณมันยิ่งใหญ่กว่าครอบครัว อาชีพ หรือแม้แต่ความฝันและความทะเยอทะยานที่โลดโผนที่สุดของคุณ
ถ้าคุณต้องการรู้ว่าทำไมคุณจึงเกิดมาในโลกนี้ คุณต้องเริ่มต้นที่พระเจ้า เพราะคุณเกิดมาโดยพระประสงค์ของพระองค์ และเพื่อพระประสงค์ของพระองค์
พระเจ้าไม่ได้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตคุณเท่านั้น แต่พระองค์ทรงเป็นแหล่งที่มาของชีวิต ถ้าคุณจะค้นหาวัตถุประสงค์ของชีวิต คุณก็ต้องอ่านพระวจนะของพระเจ้า ไม่ใช่แสวงหาสติปัญญาของโลก
2. คุณไม่ใช่ความบังเอิญ
การถือกำเนิดของคุณไม่ใช่ความผิดพลาดหรือเหตุร้าย ชีวิตของคุณไม่ใช่ความบังเอิญของธรรมชาติ พ่อแม่คุณอาจไม่ได้ตั้งใจที่จะให้กำเนิดคุณ แต่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น พระองค์มิได้ทรงแปลกใจที่คุณเกิดมา เพราะจริงๆ แล้วพระองค์ทรงคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น
“ทางที่ถูกต้องทางเดียวที่จะเข้าใจตัวเราก็คือการรู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นเช่นไรและพระองค์ทำอะไรเพื่อเรา”
พระเจ้าทรงคิดถึงคุณแม้กระทั่งก่อนที่พระองค์ทรงสร้างโลก อันที่จริงนั่นคือเหตุผลที่พระองค์ทรงสร้างโลก พระเจ้าทรงออกแบบสภาพแวดล้อมของโลกนี้เพื่อให้เราสามารถอาศัยอยู่ได้
หากปราศจากพระเจ้า เราทุกคนก็เป็น “ความบังเอิญ” คือเป็นผลของการสุ่มทางดาราศาสตร์ในจักรวาล แต่พระเจ้าผู้ได้ทรงสร้างคุณด้วยเหตุผลบางประการและชีวิตคุณก็มีความหมายที่ลึกซึ้ง เราจะพบความหมายและวัตถุประสงค์นั้นได้
3. คุณถูกสร้างมาเพื่อนิรันดร์กาล
ชีวิตในโลกเป็นเพียงการซ้อมใหญ่ก่อนการแสดงจริง โลกนี้เป็นเหมือนหลังเวที เป็นชั้นเตรียมประถม เป็นการทดสอบชีวิตของคุณในนิรันดร์กาล
แม้ว่าชีวิตในโลกนี้จะหยิบยื่นทางเลือกหลายอย่าง แต่นิรันดร์กาลเสนอทางเลือกเพียงสองอย่างคือ สวรรค์และนรก ความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้าในโลกนี้จะกำหนดความสัมพันธ์ของคุณกับพระองค์ในนิรันดร์กาล ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะรักและวางใจพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า คุณจะได้รับเชิญให้ใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดในนิรันดร์กาลกับพระองค์ ตรงกันข้ามถ้าคุณปฏิเสธความรัก การยกโทษ และความรอดของพระองค์ คุณจะถูกแยกจากพระเจ้าตลอดไปในนิรันดร์กาล
“ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้น ก็รอดโดยพระคุณ เพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้”
4. ชีวิตในโลกเป็นภารกิจชั่วคราว
พระคริสตธรรมคัมภีร์เต็มไปด้วยภาพเปรียบเทียบที่สอนว่าชีวิตในโลกนี้สั้น ชั่วคราว ไม่จีรัง ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด คุณต้องไม่ลืมความจริงสองประการ คือ ประการแรก ชีวิตนั้นสั้นมากเมื่อเทียบกับนิรันดร์กาล ประการที่สอง โลกเป็นเพียงที่อยู่ชั่วคราว คุณจะไม่อยู่ที่นี่นาน ดังนั้นอย่ายึดติดกับมันมากเกินไป จงทูลขอให้พระเจ้าช่วยให้คุณมองชีวิตในโลกอย่างที่พระองค์ทรงมอง
5. พระเจ้าทรงกระทำให้ทุกสิ่งมีเป้าหมาย
“เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
ทุกสิ่งดำรงอยู่เพื่อพระเจ้า เพื่อแสดงถึงพระสิริของพระเจ้าที่อยู่รอบข้างเรา เราเห็นได้ทุกแห่งหน ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ไปจนถึงทางช้างเผือกอันกว้างใหญ่ไพศาล แต่ความบาปที่มนุษย์มีคือ การไม่ยอมถวายพระสิริแด่พระเจ้า นั่นคือการรักสิ่งอื่นยิ่งกว่ารักพระเจ้า ใช้ชีวิตเพื่อเกียรติของเราเองไม่ใช่ของพระเจ้า
“เพราะว่าทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
เมื่อเราทำผิดกฎหมาย เราก็ต้องถูกลงโทษ การทำบาปก็เช่นเดียวกัน โทษของบาปก็คือความตายฝ่ายวิญญาณ หรือการถูกตัดขาดจากพระเจ้า และเมื่อจากโลกนี้ไป เราต้องไปอยู่ในนรกเป็นนิจนิรันดร์
6. คุณจะอยู่เพื่ออะไร
เวลานี้พระเจ้าทรงเชื้อเชิญคุณ ให้ดำเนินชีวิตเพื่อพระสิริของพระองค์ โดยการทำให้วัตถุประสงค์ที่พระองค์ทรงสร้างคุณนั้นสำเร็จ สิ่งที่คุณต้องทำคือรับและเชื่อในพระเยซูคริสต์
““แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิ์ให้เป็นบุตรของพระเจ้า””
คุณจะยอมรับข้อเสนอของพระเจ้าหรือไม่?
ประการแรก “เชื่อ” เชื่อว่าพระเจ้าทรงรักคุณและสร้งคุณมาเพื่อพระประสงค์ของพระองค์ และพระเยซูตายบนไม้กางเขนเพื่อคุณ
ประการที่สอง “รับ” รับพระเยซูเข้ามาในชีวิตคุณ ให้พระองค์เป็นเจ้าชีวิตและพระผู้ช่วยให้รอด รับการยกโทษบาปจากพระองค์ รับพระวิญญาณของพระองค์ผู้ที่จะประทานพลังเพื่อให้คุณสามารถทำให้วัตถุประสงค์ในชีวิตคุณสำเร็จ
หากคุณเชื่อและปราถนาที่จะต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิต ขอให้คุณก้มศีรษะเพื่ออธิษฐานรับเชื่อและกล่าวดังนี้
“ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์รู้แล้วว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าสูงสุดเพียงผู้เดียวและพระองค์ทรงลงมาบนโลกนี้เพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อข้าพระองค์และวันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพิสูจน์แล้วว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า เพื่อคนบาปอย่างข้าพระองค์จะได้รับความรอดและไม่ถูกพิพากษา
ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระองค์ พร้อมยอมรับว่าข้าพระองค์เป็นคนบาปและขอสารภาพบาปผิดทั้งสิ้นของข้าพระองค์ด้วยใจ และขอขอบคุณพระองค์ที่ได้ทรงอภัยบาปผิดของข้าพระองค์แล้ว นับจากวันนี้ไปขอพระองค์ทรงโปรดครอบครองชีวิตของข้าพระองค์ และให้ชีวิตของข้าพระองค์เป็นไปตามแผนงานที่พระองค์ได้ทรงวางไว้
ข้าพระองค์อธิษฐานขอในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
”
“คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด”
“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
หลังจากอธิษฐานรับเชื่อแล้ว ทางคริสตจักรขอแนะนำให้คุณเรียนรู้จักกับเรื่องราวของพระเจ้ามากยิ่งขึ้นผ่านทางการอ่านพระคัมภีร์ และเรียนรู้จากพี่น้องคริสเตียนท่านอื่น เพื่อที่จะเข้าใจเรื่องของพระองค์มากยิ่งขึ้น หากปราถนาที่จะเข้าร่วมนมัสการพระเจ้ากับเราหรือต้องการให้ทีมงานของเราช่วยแนะนำคริสตจักรใกล้บ้านหรือต้องการขอรับพระคัมภีร์(ฟรี) และคุณสามารถฝากข้อความถึงทีมงานของเราได้